ส้นเท้าแตกเกิดจากอะไร? เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่คิดหาคำตอบ เพราะส้นเท้าคืออวัยวะที่เรียกได้ว่าได้รับการดูแลน้อยที่สุด และที่สำคัญคือหลายคนคิดว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณส้นเท้านั้น เป็นเรื่องปกติและไม่รุนแรง แต่คุณทราบหรือไม่ว่า การเกิดรอยแตกที่ส้นเท้าเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ร่างกายกำลังสื่อสารกับเรา ให้เราได้รับรู้ถึงอาการผิดปกติที่ในบางรายเป็นการแจ้งเตือนถึงโรคภัยไข้เจ็บ เรามาทำความเข้าใจกับอาการแตกของส้นเท้ากันดีกว่า ว่าร่างกายต้องการคุยอะไรกับเรา
ส้นเท้าแตกเกิดจากอะไร สัญญาณเตือนที่คุณต้องรีบดูแลร่างกาย
ส้นเท้าแตกจะมีลักษณะอาการที่สังเกตได้ง่ายคือ ผิวหนังบริเวณส้นเท้าจะแห้ง หยาบ และหนาขึ้น โดยอาการในระยะนี้จะไม่ค่อยมีใครใส่ใจว่ากำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จนกระทั่งผิวหนังบริเวณนั้นเริ่มแตกและแยกออกจากกันเป็นแผ่น หลายคนก็เริ่มที่จะแกะ เกา หรือขัดผิวหนังส่วนนั้นออก
3 สาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตก
ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงเกิดขึ้นได้จากปัจจัยของระบบภายในร่างกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน หากยังนิ่งนอนใจไม่เปลี่ยนแปลง อาการนี้จะไม่สามารถดูแลให้หายขาดได้ โดยเฉพาะผู้ที่ปล่อยให้อาการดำเนินไปเรื่อย ๆ จนรอยแตกของส้นเท้าลึกเข้าไปจนถึงผิวหนังชั้นใน จะยิ่งมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ง่าย อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดตามมา กลายเป็นปัญหาบานปลายที่กระทบถึงการใช้ชีวิต ดังนั้นเพื่อใช้วิธีแก้ส้นเท้าแตกอย่างถูกต้อง เราต้องรู้ก่อนว่าอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้
- โรคประจำตัว ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคอ้วน และโรคเบาหวาน จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดรอยแตกบริเวณส้นเท้า และนำไปสู่การติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ผิวหนังจึงแห้งและแตกง่าย บริเวณส้นเท้าก็เช่นเดียวกัน เมื่อเส้นประสาทที่เท้าถูกทำลายเพราะน้ำตาลในเลือดสูง ก็จะเกิดรอยแตก ที่ในระยะเริ่มแรกจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่ถ้าไม่รีบรักษาอาการจะลุกลามอย่างรวดเร็ว
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต มีหลายพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอาการส้นเท้าแตกตามมา
- ดื่มน้ำไม่เพียงพอ อย่างที่ทราบกันว่า การดื่มน้ำ ทำให้เกิดความชุ่มชื้นภายใน ถ้าดื่มน้ำน้อยเกินไป ก็จะส่งผลให้ผิวแห้ง และส้นเท้าแตกได้
- อาบน้ำอุ่น หรือชอบแช่น้ำร้อนนานๆ รวมถึงการใช้สบู่ ครีมอาบน้ำ ที่ทำให้ผิวแห้งจัด จนทำให้ส้นเท้าแตก
- อากาศหนาว แต่ไม่เคยใช้ครีมบำรุง ทำให้ผิวไม่ชุ่มชื้น รวมถึงผิวของส้นเท้าด้วย ถ้าไม่ทาครีม ส้นเท้าจะแตกหนักมาก
- ชอบเดินเท้าเปล่า ไม่ถนอมผิวเท้า หรือ สวมรองเท้าไม่พอดีกับขนาดเท้า และพื้นรองเท้าแข็งจนเกินไป ก็ส่งผลให้ส้นเท้าแตกได้
- ไม่เคยทาครีมบำรุงส้นเท้าเลย ทำให้ส้นเท้าถูกเสียดสี ขณะสวมใส่รองเท้า ยิ่งเท้าแตก เสียความชุ่มชื้น ยิ่งทำให้ส้นเท้าแตกมากขึ้น
- สภาพแวดล้อมภายนอก อย่างเช่นสภาพอากาศที่หนาวเย็นเกินไป หรือแห้งมากเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้ผิวแห้งและแตกได้ง่าย
ช่องทางการสั่งซื้อรองเท้าสุขภาพ Deblu
ดูสินค้าและสั่งซื้อรองเท้าสุขภาพที่ https://deblu.com/shop/
สามารถสั่งซื้อบนช่องทางออนไลน์อื่นๆที่
วิธีแก้ส้นเท้าแตก ให้กลับมาปกติ ชุ่มชื้น เรียบเนียน
แน่นอนว่า มีปัญหาส้นเท้าแตก ก็ย่อม มีวิธีแก้ส้นเท้าแตก ให้กลับมาเรียบเนียน สวยงามเหมือนเดิม ซึ่งมีวิธีดูแลส้นเท้าแตกง่ายๆ ดังนี้
- ดื่มน้ำให้ร่างกายสดชื่น เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก เพราะการดื่มน้ำน้อย ส่งผลให้ทั่วทั้งร่างกาย ระบบต่างๆ แห้ง ขาดน้ำ ผิวไม่ชุ่มฉ่ำ รวมถึงยังทำให้บริเวณส้นเท้าแตกด้วย จึงจำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้ผิวส้นเท้า และร่างกายชุ่มชื้นตามปกติ
- ควรอาบน้ำในอุณหภูมิปกติ ไม่อาบน้ำที่อุ่นหรือร้อนมากเกินไป ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม ส่วนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย พวกสบู่ ครีมอาบน้ำ ก็เลือกตัวที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งตึงเป็นหลัก เพื่อถนอมผิวไม่ให้แพ้ ระคายเคือง ถ้าจะรักษาส้นเท้าด้วยน้ำอุ่น แนะนำให้เอาเท้าแช่น้ำอุ่น 15 นาที แล้วสครับเท้าตอนอาบน้ำ เซลล์เก่าจะหลุดไป เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนกว่า
- การเลือกรองเท้า ควรเลือกรองเท้าที่มีขนาดพอดีกับลักษณะเท้า พื้นรองเท้านุ่ม มีคุณภาพ สวมถุงเท้านุ่มด้วยทุกครั้ง เพื่อลดแรงกระแทกของส้นเท้า เวลาอยู่ในบ้าน ให้สวมรองเท้าลำลองที่มีขนนุ่มเดินในบ้าน เพื่อไม่ให้ส้นเท้าเสียดสีกับพื้นแข็ง
- ใช้ครีมทาส้นเท้าแตก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสูตรธรรมชาติ ที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูส้นเท้าโดยเฉพาะ เพื่อเสริมการป้องกันส้นเท้าแตก ผิวไม่ลอกเป็นขุย คงความชุ่มชื้น พร้อมผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ส้นเท้า แนะนำให้ทาก่อนนอน เพื่อการบำรุงตลอดคืน
- เปลี่ยนพฤติกรรม หรือปรึกษาแพทย์ สำหรับคนที่ชอบเดินนาน ยืนนาน ทำกิจกรรมนานๆ โดยใช้ส้นเท้าลงน้ำหนัก มันสามารถทำให้ส้นเท้าแตกได้ ต้องลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำหนักเท้า เคลื่อนไหวให้เยอะขึ้น อย่าอยู่กับที่ รวมถึงหากมีปัญหาส้นเท้าแตกอย่างหนัก จนไม่สามารถแก้ไขเองได้ ต้องไปปรึกษาและรักษาโดยแพทย์ด้านผิวหนังเฉพาะทาง
ปัญหาผิวแตก อาจกวนใจใครหลายคน แต่ก็สามารถแก้ไขได้ หากรู้จักการป้องกัน และวิธีการดูแลรักษา ที่ทำได้ง่ายๆ ซึ่งหากไม่ต้องการให้ส้นเท้าแตก ก็ต้องบำรุงให้พอ ดื่มน้ำให้เยอะ สวมใส่รองเท้าคุณภาพดี ก็จะช่วยลดปัญหาส้นเท้าแตกได้เป็นอย่างดี
“สุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่ (รอง) เท้า”รองเท้าสุขภาพ Deblu ออกแบบมาสำหรับทุกปัญหาสุขภาพเท้าและทุกคน
แอดLine@ ของ Deblu ได้ที่ 👉 https://line.me/R/ti/p/%40ool5177g