“รองซ้ำ” ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

โรครองช้ำ

อาการที่จู่ ๆ ก็เกิดอาการเจ็บฝ่าเท้า ส้นเท้าโดยไม่ทราบสาเหตุ คิดว่าปล่อยทิ้งไว้เดี๋ยวก็หายเอง แต่ทว่ายิ่งนานวันเข้ากลับยิ่งทำให้เดินไม่สะดวก ตื่นเช้าเกิดขึ้นเมื่อลุกเดินก้าวแรกตอนตื่นนอนคุณอาจกำลังประสบกับภาวะพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ(Plantar fasciitisแต่ละทีก็เจ็บแทบเดินไม่ไหว เพราะสัญญาณเหล่านี้กำลังบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็น  (โรครองช้ำ )

ปัจจัยที่มักทำให้เกิดโรครองช้ำ

  • น้ำหนักตัวที่มากเกินไป
  • การยืนหรือเดินเป็นเวลานานๆ
  • การวิ่งหรือเดินบนพื้นแข็งโดยใส่รองเท้าที่มีพื้นบางเกินไป
  • การเดิน/วิ่งโดยกระแทกส้นเท้าลงพื้นแรงเกินไป
  • ปัจจัยทางโครงสร้างร่างกาย ที่เกิดข้นเอง เช่น เท้าแบนเกินไป อุ้งเท้าโก่งสูง หรืออาการเอ็นร้อยหวายยืด
  • การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ
  • โรครองช้ำเป็นอาการที่สามารถหายเองได้ หากเท้าของคุณมีการพักอย่างเพียงพอ
  • เราจึงควรหา รองเท้าสุขภาพ ดีๆ ที่สามารถรองรับแรงกระแทกเวลาเดินได้ดีมาใส่ซักคู่ เป็นการป้องกันอาการปวดส้นเท้าไม่ให้กลับมาทำให้เราเจ็บอีก

วิธีการรักษาอาการปวดเท้า

  • การยืดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อน่องโดยต้องยืดอย่างช้าๆ ด้วยแรงที่คงที่ ทำ 3 ช่วงเวลา/วัน 5 ครั้ง/ช่วงเวลา และ 15-20 วินาที/ครั้ง เพิ่มเติมคลิก https://healthserv.net/7274
  • การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเท้า การหยิบผ้าขนหนูด้วยนิ้วเท้า วางผ้าขนหนูผืนเล็กลงบนพื้น จากนั้นใช้นิ้วเท้าขยุ้มผ้าขนหนู ทำซ้ำ 10 ครั้ง 1-2 ครั้ง/วัน
  • การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดเพื่อลดการอักเสบและลดปวด ด้วยเครื่องอัลตราซาวด์
  • การใช้อุปกรณ์พยุงอุ้งเท้า (foot orthosis) เพื่อปรับอุ้งเท้าให้ปกติหรือรองรับแรงกระแทกต่อฝ่าเท้า
  • การกินยาหรือฉีดยาลดปวดบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า

ทั้งนี้การรักษาโรคนี้จะหายได้เองถ้าเราจักดูแลเท้า และเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิต ประจำวันของเรา  เพราะถึงแม้ดูเหมือนจะไม่ได้อันตรายร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษา เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวันได้  หากมีอาการปวดส้นเท้าผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

เท้าของคุณเป็นลักษณะแบบไหน ?

 

  • เท้าปกติ(อุ้งเท้าปกติ Normal feet) เป็นลักษณะของคนที่มีอุ้งเท้าพอดี ทำให้การเดินและการเคลื่อนไหวของคุณเป็นไปอย่างธรรมชาติ ลักษณะแบบนี้พบได้มากที่สุดไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอาการเจ็บหรือเมื่อย
  • เท้าแบน (อุ้งเท้าแบน Flat arch feet) ลักษณะเท้าแบบนี้จะพบได้บ่อย รองลงมาประมาณ 10%-20% โดยลักษณะนี้จะมีอุ้งเท้ามากจนมีลักษณะแบน แสดงถึงระบบการรับแรงกระแทกของเท้าไม่ดี จึงมีผลทำให้ข้อเท้าและหัวเข่าต้องรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นในขณะเดินหรือวิ่งมากกว่าที่ควร ส่วนใหญ่จะมีปัญหาปวดเมือยเมื่อเดิน หรือวิ่งนานโดยเฉพาะปวดบริเวณอุ้งฝ่าเท้า กระดูกฝ่าเท้าหรือเอ็นฝ่าเท้า
  • เท้าเว้า (อุ้งเท้าสูง High Arch feet) ลักษณะเท้าแบบนี้อาจพบอาการร่วมกับเท้าเอียงออกด้านนอกมากกว่าปกติ ขณะเดินหรือวิ่ง ลักษณะอุ้งเท้าที่สูงเกิดจากเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้ามีการหดรั้งและตึงมากเกินไปทำให้ระบบการยืดหยุ่นและรับแรงกระแทกของเท้าไม่เป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของรูปโครงกระดูกที่ผิดรูป จึงอาจมีลักษณะของนิ้วเท้างอ และเสื่อมของข้อภายในได้ง่าย

คุณสมบัติของการเลือกรองเท้าสุขภาพ

       การแก้ไขอาการปวดเท้าจากการสวมใส่รองเท้าที่ดีที่สุดคือการเลือกสวมรองเท้าที่ “เหมาะสมกับลักษณะเท้าของแต่ละบุคคล

       พื้นรองเท้าบริเวณส้นเท้า   มีความสามารถในการรองรับแรงกระแทก (shock absorption) ที่ดี พื้นรองเท้าควรมีความหนาพอสมควร และมีความนุ่มที่แน่นกระชับกำลังดี (ไม่ยวบย้วยจนเดินแล้วรู้สึกไม่มั่นคง)    ส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้า พื้นของรองเท้าสุขภาพที่ดี ควรมีความนุ่มที่พอเหมาะ  ส่วนซัพพอร์ตอุ้งเท้า ก็คือตรงกลางพื้นรองเท้าที่นูนขึ้นมารองรับส่วนเว้าของฝ่าเท้า หน้าที่ช่วยกระ จายน้ำหนักของร่างกายไปทั่วฝ่าเท้า

รองเท้ามีผลกับเท้าโดยตรง เราจึงควรเอาใจใส่เลือกรองเท้าที่ใส่  เพราะเวลาที่คุณเดิน หรือวิ่งเยอะ ๆ หรือออกกำลังกายหนัก ๆ การใส่รองเท้าที่ไม่สบาย ทำให้เมื่อยเท้าแล้ว ยังทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมาอีกด้วย เพราะฉะนั้นหันมาเลือกซื้อรองเท้าให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อสุขภาพของตัวเองจะดีกว่า

 

อ้างอิงที่มาจาก

https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/606

https://www.ortho.wustl.edu/content/Education/3691/Patient-Education/Educational-Materials/Plantar-Fasciitis-Exercises.aspx

https://www.paolohospital.com/th-TH/chokchai4

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *